อาการมองเห็นที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นได้บ่อยกับคนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 30 ขึ้น ที่ทำให้ภาพไม่ชัด เบลอ คือ ตามัว ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่ดูแล ก็อาจเป็นโรคตาร้ายแรงตามาได้ รุนแรงที่สุดคือ ตาบอด ได้เลยทีเดียว ดังนั้น อาการตาพร่า เป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้างอย่างเด็ดขาด Health30Plus ขอเล่าถึงอาการต่างๆ วิธีการดูแลและป้องกันก่อนที่จะรุนแรงมากขึ้น
Table of Contents
อาการตาพร่ามัว เป็นอย่างไร?
ความผิดปกติของดวงตา ตาพร่ามัวมองไม่ชัดเกิดจาก อาการต่างๆ ดังนี้
- เห็นภาพไม่ชัดเจนมีตาที่มองเห็นภาพต่างๆ มีการเบลอ
- ไปตรวจค่าสายพบว่า ค่าสายตาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากๆ
- ภาพที่เห็นมีสีสันที่จางลง
- ใช้ชีวิตประจำวันมองภาพต่างๆ ด้วยความแคบลง
- อ่านหนังสือตัวเล็กไม่ได้ มองไม่เห็น ไม่ชัด
- มีอาการตาแพ้แสงรวมอยู่ด้วย
- มีอาการเห็นภาพซ้อน
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นการอาการตาพร่ามัวที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างไร?
สัญญาณความผิดปกติของตาพร่ามัว ทำให้เกิด โรคต้อตาต่างๆ ได้ เช่น ต้อหิน ต้อกระจก ซึ่งทั้ง 2 ต้อนี้ มีแนวโน้มว่าจะทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ในอนาคตหากไม่รีบรักษา มีงานวิจัยบอกว่า ในอนาคตคนจะเป็นโรคต้อเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ ความรุนแรงของตาพร่ามัวส่งผลให้ตาบอดได้ในอนาคตนั้นเอง
อ่านเพิ่ม
อาการตาพร่ามัวแบบนี้ควรไปพบแพทย์
- เจ็บตามาก
- เยื่อบุตาอักเสบ หรือ ตาขาวมีอาการแดง
- ปวดหัวมาก
- ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยว
- มองไม่เห็น แบบฉับพลัน หรือ มองไม่เห็นชั่วขณะ
อาการเหล่านี้แสดงว่ามีอาการดวงตาที่ค่อยข้างรุนแรงแล้ว ดังนั้นแนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพื่อรักษาให้ทันก่อน เป็นโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามา
สาเหตุของอาการตาพร่ามัว
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต
- การใช้สายตาตามอายุ
- ตาแห้ง
- บาดเจ็บที่ตา
- ตาถลอก
- ตาติดเชื้อ
- จอประสาทตาอักเสบ
อาการตาพร่ามัว กับ อันตรายจาก โรคต้อตา
อาการตาพร่ามัวในบางรายส่งผลให้เกิดปัญหาโรคต้อตาตามมา ความดันในตาเพิ่มสูงขึ้นทำให้เป็นโรคต้อหิน หรือ ตาขาวขุ่นทำให้เกิดจากมองไม่เห็น ซึ่งแนะนำให้รีบดูแลรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำให้ดูแลดวงตาได้อีกยาวนาน ย้ำว่า ควรดูแลรักษาไว้
ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดโรคต้อกระจก
ต้อกระจก มีอาการตาขุ่นมัว ทำให้เกิดการมองไม่เห็นได้ในอนาคต ซึ่งมาจากปัจจัยดังนี้
- ออกแดดจอ UV เป็นเวลานาน
- เคยมีอุบัติเหตุที่ดวงตา
- สูบบุหรี่เป็นประจำ
- มีอาการตาติดเชื้อ
- สายตาสั้นหรือยาวมาก
ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดโรคต้อหิน
ต้อหินเป็นโรคที่ทำให้คนสูญเสียการมองเห็นมากที่สุด ซึ่งมาจากปัจจัยดังนี้
- อายุ 40 ขึ้น
- มีความดันในตาสูง
- เคยมีคนในครอบครัวเป็น
- มีการอักเสบในดวงตา
การดูแลและป้องกันอาการตาพร่ามัว
วิธีการดูแล ฟื้นฟูดวงตาจากการพร่ามัวเริ่มได้ดังนี้
- พบจักษุแพทย์ประจำทุกปี
- พักผ่อนให้เพียงพอช่วยฟื้นฟูดวงตาได้ดี
- ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้ดวงตาแข็งแรง
- ดูแลดวงตาให้ดี ด้วยกระคบตา บริหารดวงตา
- ทานอาหารที่ประโยชน์ต่อดวง (หากไม่มีเวลาให้ทานอาหารเสริมที่มีลูทีนและซีแซนทีนก็ได้)
อย่างไรแล้วการดูแลดวงตาควรไปพบจักษุแพทย์ก่อนเพื่อตรวจสอบอาการให้แน่ใจ และ รักษาได้อย่างถูกต้องตั้งแต่แรก นอกจากนั้น ก็ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี เท่านี้ เราก็จะมีดวงตาใช้ไปอีกยาวๆ ปัญหาดวงตาก็จะหากไกลเราไปอีกยาวๆ เลย
แหล่งข้อมูล
- Blurred Vision: Symptoms & Signs : Medicinenet : https://www.medicinenet.com/blurred_vision/symptoms.htm
- อาการตาพร่ามัว รักษาได้ : โรงพยาบาลรามาธิบดี : https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/อาการตาพร่ามัว-รักษาได้/
แนะนำอาหารเสริมฟื้นฟูดวงตาจากงานวิจัย Herbitia Lutein
ที่มีสารสกัดเข้มข้นจากอิตาลี